วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 11


วันพุธที่ 23 มีนาคม 2559 เวลา 08.30-12.30 น.


บรรยากาศในการเรียน
          เมื่อเริ่มเรียน อาจารย์ก็ให้เพื่อน ๆ ออกมานำเสนองาน
  • นางสาวสุดารัตน์ อาจจุฬา นำเสนอบทความ
บทความ เรื่อง การเรียนรู้ทักษะคณิตศาสตร์
บรรยายโดย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี  ไสยวรรณ
เมื่อพูดถึงคณิตศาสตร์ ผู้ใหญ่บางคนได้ฟัง ยังหนาวๆ ร้อนๆ แล้วสำหรับเด็กเล็กๆ


-การเรียนรู้เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับเขาหรือไม่? คำตอบของคำถามข้างต้นนั้นคือ "ไม่ยากหรอกค่ะ" ถ้าเรารู้จักเนื้อหาและวิธีในการส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ให้กับเด็ก ซึ่งเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากสิ่งรอบตัวเด็กนี่เอง...
- ทักษะทางคณิตศาสตร์ คือ ? ก่อนที่จะค้นหาวิธีส่งเสริมต่างๆ ให้กับเด็ก เราควรจะรู้ว่าทักษะทางคณิตศาสตร์นั้นหมายถึง เรื่องอะไรบ้าง   เริ่มได้เมื่อไหร่ดี .... การเรียนรู้ทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กแต่ละวัยย่อมแตกต่างกันไปเราสามารถส่งเสริมเนื้อหาทางคณิตศาสตร์ได้ทุกด้านแต่ต่างกันตรงวิธีการค่ะสำหรับเด็กวัย 3- 4 ขวบ จำเป็นต้องเรียนคณิตศาสตร์ผ่านสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากเพราะเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ให้เด็กสามขวบ ดูตัวเลข 2 กับ 3 แล้วเอาเครื่องหมายมากกว่าน้อยกว่าไปให้เขาใส่ เขาก็จะงงแน่นอน ว่า เจ้าสามเหลี่ยมปากกว้างนี้คืออะไร เด็กวัยนี้การเรียนเรื่องจำนวนตัวเลข ต้องผ่านสิ่งของที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ แต่ถ้าเป็นพี่ 5 หรือ 6 ขวบ จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ได้แล้ว เรียนรู้ได้จากสิ่งใกล้ตัว
     คณิตศาสตร์มีอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบตัวเรา ในแต่ละวันเด็ก ๆ มีโอกาสที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับ ตัวเลข จำนวน รูปทรงเรขาคณิต การจับคู่ การแยกประเภท ฯลฯ เช่น
-การตื่นนอน (เรื่องของเวลา)
-การแต่งกาย (การจับคู่เสื่อผ้า)
- การรับประทานอาหาร (การคาดคะเนปริมาณ)
- การเดินทาง(เวลา ตัว เลขที่สัญญาณไฟ ทิศทาง)
- การซื้อของ (เงิน การนับ การคำนวณ) ฯลฯ
เชื่อหรือยังคะว่าคณิตศาสตร์มี อยู่จริงในชีวิตประจำวัน   กิจกรรมใด ๆ ที่เปิดโอกาสให้มีการวางแผน การจัดแบ่งหมวดหมู่ จับคู่ เปรียบเทียบ หรือ   เรียงลำดับ ล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น   การจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง การจัด กิจกรรมต่างๆที่เปิดโอกาส ให้ได้เด็กได้กระทำด้วยตนเอง ผ่านการเล่น การได้สัมผัส ได้กระทำ จากการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและ   ผู้ใหญ่ เรียนรู้จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่สิ่งที่อยู่ไกลตัวการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร  การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร ควรเน้นให้เด็กเกิดความคิดรวบยอด และทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ 7 ด้าน ดังนี้

ความรู้เพิ่มเติม
ทักษะคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
          การส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ให้แก่เด็กปฐมวัยนั้นครูหรือผู้เกี่ยวข้องควรทราบว่ามีทักษะจำเป็นอะไรบ้างที่เด็กปฐมวัยควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเรียนคณิตศาสตร์ของเด็กต่อไป   ทักษะที่เด็กปฐมวัยควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนานั้นอาจแบ่งเป็น ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ และทักษะพื้นฐานการคิดคำนวณ

ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ที่จำเป็นสำหรับเด็กปฐมวัยมี 7 ทักษะ ได้แก่

      1. ทักษะการสังเกต(Observation)
                   คือการใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ โดยเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์อย่างมีจุประสงค์ เช่น การจะหาข้อมูลที่เป็นรายละเอียดของสิ่งนั้น ๆ โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตนเองลงไป

      2. ทักษะการจำแนกประเภท(Classifying)
                   คือ ความสามารถในการแบ่งประเภทของสิ่งของ โดยหาเกณฑ์หรือสร้างเกณฑ์ในการแบ่งขึ้น  ส่วนใหญ่เด็กจะใช้เกณฑ์ในการจำแนกอยู่ 3 อย่าง คือ ความเหมือน ความแตกต่าง และความสัมพันธ์ร่วม ซึ่งแล้วแต่เด็กจะเลือกใช้(ดังนั้นครุควรถามเมื่อจัดกิจกรรมทั้งนี้เพื่อให้ประเมินเด็กได้อย่างถูกต้อง) ซึ่งเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่จะเลือกใช้เกณฑ์ 2 อย่าง คือ ความเหมือน และความต่าง เมื่อเด็กสามารถสร้างความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความสัมพันธ์แล้วเด็กจึงจะจำแนกโดยใช้ความสัมพันธ์ร่วมได้

      3. ทักษะการเปรียบเทียบ(Comparing)
                   คือ การที่เด็กต้องอาศัยความสัมพันธ์ของวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์ ตั้งแต่สองสิ่งขึ้นไป บนพื้นฐานของคุณสมบัติที่มีลักษณะเฉพาะอย่าง เช่น เด็กสามารถบอกได้ว่าลูกบอลลูกหนึ่งมีขนาดเล็กกว่าลูกอีกลูกหนึ่ง นั่นแสดงให้เห็นว่า เด็กเห็นความสัมพันธ์ของลูกบอล คือ เล็ก - ใหญ่ ความสำคัญในการเปรียบเทียบ คือ เด็กจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้น ๆ และรู้จักคำศัพท์คณิตศาสตร์  การเปรียบเทียบนับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเรียนในเรื่องการวัดและการจัดลำดับ

      4. ทักษะการจัดลำดับ(Ordering)
                   คือ การส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการจัดลำดับวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์ ซึ่งเป็นทักษะการเปรียบขั้นสูง เพราะจะต้องอาศัยการเปรียบเทียบสิ่งของมากกว่าสองสิ่งหรือสองกลุ่ม การจัดลำดับในครั้งแรก ๆ ของเด็กปฐมวัยจะเป็นไปในลักษณะการจัดกระทำกับสิ่งของสองสิ่ง เมื่อเกิดการพัฒนาจนเกิความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วเด็กจึงจะสามารถจัดลำดับที่ยากยิ่งขึ้นได้

      5. ทักษะการวัด(Measurement)
                   เมื่อเด็กมีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดประเภท การเปรียบเทียบ และการจัดลำดับมาแล้ว เด็กจะพัฒนาความสามารถเข้าสู่เรื่องการวัดได้ ความสามารถในการวัดของเด็ก จะมีความสัมพันธ์กับความสามารถใสนการอนุรักษ์(ความคงที่) เช่น เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับความยาวของเชือกได้ว่า เชือกจะมีความยาวเท่าเดิมถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนทิศทางหรือตำแหน่งก็ตาม

      6. ทักษะการนับ(Counting)
                   แนวคิดเกี่ยวกับการนับจำนวน ได้แก่ การนับปากเปล่า บอกขนาดของกลุ่มที่มีขนาดเท่ากันโดยไม่ต้องนับ  นับโดยใช้ลำดับที่นับจำนวนเพิ่มขึ้น  นับเพื่อรู้จำนวนที่มีอยู่ การจดตัวเลข  การนับและเข้าใจความหมายของจำนวน  การใช้สัญลักษณ์แทนจำนวน ในเด็กปฐมวัยชอบการนับแบบท่องจำโดยไม่เข้าใจความหมาย การนับแบบท่องจำนี้จะมีความหมายต่อเมื่อเชื่อมโยงกับจุดประสงค์บางอย่าง เช่น การนับจำนวนเพื่อนในห้องเรียน นับขนมที่อยู่ในมือ แต่การนับของเด็กอาจสับสนได้หากมีการจัดเรียงสิ่งของเสียใหม่ เมื่อเด็กเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์(จำนวน)แล้วเด็กปฐมวัยจึงจะสามารถเข้าใจเรื่องการนับจำนวนอย่างมีความหมาย

    7. ทักษะเกี่ยวกับเรื่องรูปทรงและขนาด(Sharp and Size)
                   เรื่องขนาดและรูปทรงจะเกิดขึ้นกับเด็กโดยง่าย ทั้งนี้เนื่องจากเด็กคุ้นเคยจากการเล่น การจับต้องสิ่งของ ของเล่น หรือวัตถุรูปทรงต่าง ๆ อยู่เสมอในแต่ละวัน  เราจึงมักจะได้ยินเด็กพูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรูปทรงหรือขนาดอยู่เสมอ  ครูสามารถทดสอบว่าเด็กรู้จักรูปทรงหรือไม่ได้โดยการให้เด็กหยิบ/เลือก สิ่งของตามคำบอก เมื่อเด็กรูปจักรูปทรงพื้นฐานแล้วครูสามารถสอนให้เด็กรู้จักรูปทรงที่ยากขึ้นได้

ทักษะพื้นฐานในการคิดคำนวณ สำหรับเด็กปฐมวัยอาจแบ่งได้ 3 ทักษะ
        1. ทักษะในการจัดหมู่
        2. ทักษะในการรวมหมู่(การเพิ่ม)
        3. ทักษะในการแยกหมู่(การลด)
  • นางสาวชื่นนภา เพิ่มพูล นำเสนอบทความ

บทความเรื่อง คณิตศาสตร์กับชีวิต


           “จุดมุ่งหมายของการศึกษาในอดีตจะเห็นได้ว่าการจัดการเรียนการสอนในช่วงต้นรัตนโกสินทร์คือระหว่างปี พ.ศ. 2325-2426 นั้นประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียน แต่มีการเรียนกันที่วัดหรือที่บ้าน ความมุ่งหมายในสมัยนั้นคือ การให้สามารถ อ่าน เขียนภาษาไทย และคิดเลขได้ นอกจากนั้นอาจมีการเรียนช่างฝีมือกันที่บ้าน...” (ทิศนา แขมณี: ศาสตร์การสอน; 29)
                จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่าความสำคัญของคณิตศาสตร์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ และถ้าจะค้นหาลึกลงไปนั้นในสมัยโบราณก็คงจะมีการใช้คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ในสังคมให้ความสำคัญกับการคำนวณ การเปรียบเทียบด้วยตัวเลข เปรียบเสมือนกับเป็นสิ่งที่ควบคู่ไปกับวิถีชีวิตของบุคคลต่างๆในสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดของสังคม หรือต่างชนชาติกันก็ตาม คณิตศาสตร์ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นสากล ได้แก่การบวก ลบ คูณ หาร และในความเชื่อที่ว่าคณิตศาสตร์เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่มีรูปแบบและขั้นตอนมาตรฐาน ดังนี้คือ
(1)หาสิ่งที่ต้องการทราบ
(2)ว่างแผนการแก้ปัญหา
(3)ค้นหาคำตอบ
(4)ตรวจสอบ
               จากขั้นตอนทางคณิตศาสตร์นี้เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นระบบ เพื่อให้เกิดลำดับขั้นตอนในการแก้ไขสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการแก้ปัญหาสิ่งๆหนึ่งโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อหาข้อค้นพบและสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆได้อย่างมีระบบ ระเบียบ
                จะเห็นได้ว่าความสำคัญของคณิตศาสตร์นั้นมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันเพื่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาบุคคลในสังคมให้เกิดการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ การขาย การคำนวณสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานในการหาข้อสรุปเพื่อให้เกิดชิ้นงานต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อสิ่งที่บุคลต้องการให้เป็นไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นจากข้อความข้างต้นจะเสนอความสอดคล้องของคณิตศาสตร์กับชีวิตประจำวันได้อย่างไรดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
                การซื้อขายของ เป็นการใช้หลักคณิตศาสตร์พื้นฐานได้แก่ การคำนวณในเรื่องของต้นทุน และการได้กำไร การกำหนดราคาเพื่อการตีค่าของราคาที่จะขายเพื่อให้เกิดกำไร ซึ่งเกี่ยวข้องหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นในการดำเนินการซื้อขาย  นอกจากนนี้ยังมีการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของการใช้หลักคณิตศาสตร์ในการควบคุมการทำงาน
                การสร้างที่อยู่อาศัย เป็นการคำนวณอัตราส่วนของพื้นที่ในการการปลูกสิ่งปลูกสร้าง ในที่นี้ขอยกตังอย่างการสร้างที่อยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่การคำนวณหาพื้นที่ในการสร้าง โดยหลักการวัดพื้นที่ (กว้าง x ยาว) จากนั้นต้องมี่การคำนวณโครงสร้างของสิ่งปลูกสร้างต่างๆได้แก่ ปูน หิน ทราย ไม้กระเบื้องและอื่นๆที่เป็นสวนประกอบของการสร้างที่อยู่อาศัย โดยการผสมปูน ได้แก่การคำนวณอัตราส่วนของส่วนผสมในการสร้างบ้าน ซึ่งแตกต่างกันในการใช้งานเช่น พื้นปูนอาจมีการผสมให้มีความหยาบเพื่อใช้เป็นฐานของโครงบ้าน การฉาบอิฐจะต้องมีการละเอียดของปูนเพื่อให้เกิดการยึดแน่นของอิฐกับปูนเพื่อให้เกิดความแข็งแรงและสวยงาม เป็นต้น
                การเงินการธนาคาร เป็นการออมทรัพย์เพื่อให้เกิดความความมั่นของชีวิต มีการคำนวณดอกเบี้ย ผลกำไร การปันผล การแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ทางการเงิน โดยมีวิธีจูงใจผู้ฝากในรูปแบบต่างๆเช่น การออมทรัพย์ กระแสรายวัน ฝากประจำ ซึ่งมีการให้ดอกเบี้ยแตกต่างกันไป ขึ้นกับแต่ละธนาคารว่าจะให้ผลประโยชน์กับผู้ฝากอย่างไรและผู้ฝากเป็นผู้ตัดสินใจในการใช้บริการทางการเงินกับธนาคารใด
                 ทางการศึกษา เป็นการคำนวณหาค่าต่างๆทีเกี่ยวข้องกับการให้คะแนน วิจัย การทดลองโดยใช้ค่าทางสถิติเพื่อให้เกิดข้อค้นพบต่างๆในเชิงปริมาณเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น


          จากนั้น อาจารย์ก็สรุปเนื้อหาความรู้ จากการนำเสนอของเพื่อน ๆ แต่ละคน เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมที่นำสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อภิปรายเกี่ยวกับแผนการจัดประสบการณ์ที่แต่ละคน แต่ละกลุ่มคิดมา โดยอาจารย์จะเป็นคนแนะนำแนวทางให้กิจกรรมเราสมบูรณ์มากขึ้น หน่วยการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่ม ได้แก่ เกี่ยวกับเรื่องกล้วย เรื่องยานพาหนะ เรื่องผลไม้ และเรื่องของเล่นของใช้

ความรู้ที่ได้รับ
  • การจัดประสบการณ์ที่หลากหลาย ทำให้เด็กมีประสบการณ์ และมีวิธีการเชื่อมโยงการเรียนรู้ที่หลากหลายมากขึ้น
  • การจัดประสบการณ์ ในแต่ละหน่วย จัดดังนี้ 
  1. วันแรก = ชนิด/ประเภท
  2. วันที่ 2 = ลักษณะ ส่งเสริมทักษะการสังเกต รูป รส กลิ่น สี เป็นต้น
  3. วันที่ 3 = การดูแลรักษา/การเก็บรักษา (หากจัดเกี่ยวกับ ต้นไม้ ก็จะใช้คำว่า การดำรงชีวิต)
  4. วันที่ 4 = ประโยชน์
  5. วันที่ 5 = ข้อควรระวังหรือโทษ
  • การสอนคณิตศาสตร์ จะต้องสอนทีละ 1 คอนเซ็ปต์ เช่น กำหนดให้เด็กหาผลไม้ที่มีสีเขียว ซึ่งจะง่ายสำหรับเด็ก ๆ ไม่ต้องเน้นรายละเอียดมาก
  • ขั้นนำของแผนการจัดกิจกรรม อาจจะเป็นเพลง คำคล้องจอง ปริศนาคำทาย นิทาน เป็นต้น
  • การใช้คำ = 2 กลุ่ม/ประเภท ใช้คำจำกัดความว่า มากกว่า น้อยกว่า แต่ถ้ามากกว่า 2 กลุ่ม ให้ใช้คำว่า มากที่สุด หรือน้อยที่สุด
  • หลังจากอภิปราย ควรทำตาราง เขียนแยกแยะ เปรียบเทียบแค่ 2 อย่าง (สำหรับเด็ก) โดยอาจจะทำเป็นเวนน์ไดอะแกรม
ตัวอย่าง เวนน์ไดอะแกรม = เป็นการเปรียบเทียบความเหมือน ความต่าง

ทักษะที่ได้รับ
  • ทักษะการมีบุคลิกภาพที่ดี และการพูดนำเสนอผลงาน
  • ทักษะการคิดแบบรวบยอด
  • ทักษะการใช้เวนน์ไดอะแกรมในการทำงาน
  • ทักษะการใช้ภาษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์หรือการสื่อสาร
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
  • นำความรู้ที่ได้จากอาจารย์ แนวคิดจากเพื่อน ๆ ในการจัดกิจกรรม มาปรับเปลี่ยนกับกิจกรรมของเราได้ เพื่อทุ่นเวลา และทำให้เด็กได้ประสบการณ์จากกิจกรรมที่หลากหลาย
  • ดึงประสบการณ์เดิม เข้ามามีส่วนในการจัดกิจกรรม จะทำให้เด็กมีความรู้ที่เพิ่มพูนจากเดิม และเพิ่มเติมความรู้ใหม่ ๆ ได้
  • เมื่อมีความรู้ จากการแลกเปลี่ยนกันระหว่างอาจารย์กับนักศึกษา ทำให้สามารถนำความรู้มาฝึกปฏิบัติ และทำให้เกิดทักษะ ความชำนาญ ในการนำไปสอนเด็กปฐมวัยในอนาคตได้
เทคนิคการสอนของอาจารย์
  • อาจารย์จะให้นักศึกษานำเสนอความคิด หรือความรู้ที่นักศึกษามี แล้วแลกเปลี่ยนกัน ส่วนใดดีแล้ว อาจารย์ก็จะอธิบายเพิ่มเติม ส่วนใดควรแก้ไข อาจารย์ก็จะให้แนวทางใหม่ ๆ โดยการตั้งคำถามให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการตอบ ว่าควรเป็นอย่างไร แบบใดดีกว่ากัน เป็นต้น
การประเมินผล
ประเมินตนเอง : อาจจะเล่นบ้าง แต่ก็ตั้งใจเรียน มีส่วนร่วมในการตอบคำถามของอาจารย์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยกันระดมความคิดภายในกลุ่ม
ประเมินเพื่อน : เพื่อน ๆ ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่าง ๆ มีแนวความคิดที่หลากหลาย แปลกใหม่มาแลกเปลี่ยนกัน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์อธิบายเพิ่มเติมจากที่นักศึกษาเคยเข้าใจ ให้มีความถูกต้องมากขึ้น บางครั้งอาจจะไม่เข้าใจมากนัก แต่ถ้าได้ลงมือทำกิจกรรมจริง ๆ ก็เชื่อว่า จะกระจ่างในสิ่งที่อาจารย์สอนและแนะนำ
 


วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 10

วันพุธที่ 16 มีนาคม 2559 เวลา 08.30-12.30 น.
บรรยากาศในการเรียน
          เนื่องจากวันนี้ อาจารย์ยุ่งกับการขนของเพื่อย้ายตึกเรียนใหม่ โดยตึกคณะศึกษาศาสตร์เดิม จะทุบเพื่อสร้างใหม่ จึงมีเวลาเรียนไม่เต็มคาบเรียน แต่อาจารย์ก็ให้นักศึกษาทุกคน นำงานที่แต่ละกลุ่มได้ทำมา ซึ่งเป็น Mind Mapping เกี่ยวกับหน่วยการเรียนรู้ที่แต่ละกลุ่มจัดทำขึ้น



          กลุ่มของดิฉันทำเกี่ยวกับหน่วย ผลไม้ ซึ่งอาจารย์ก็ได้ให้คำแนะนำ ข้อควรปรับปรุงในการทำ Mind Mapping การสรุปองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้ครอบคลุมเนื้อหา เมื่อแนะนำครบทุกกลุ่ม อาจารย์ก็มอบหมายงาน ให้สมาชิกแต่ละกลุ่ม เขียนแผนการจัดประสบการณ์คนละ 1 แผน ตามหัวข้อ ขอบเขตของเรื่อง ผลไม้ โดยให้มีการนำคณิตศาสตร์มาบูรณาการในการเขียนแผนด้วย เขียนอธิบายว่าจะมีขั้นตอนการจัดกิจกรรมอย่างไร และนำมาส่งอาจารย์ในชั่วโมงถัดไป

ความรู้ที่ได้รับ
  • ได้รับความรู้เกี่ยวกับการจัดทำ Mind Mapping ที่ถูกต้อง ซึ่งควรแตกออกเป็นเส้น ๆ ดังกล่าว คล้ายเส้นใยสมองของคน มีลักษณะหัวข้อที่ชัดเจน ทำความเข้าใจได้ง่าย มีความละเอียด ครอบคลุม
  • ได้ความรู้ว่า ทุกแผนหรือทุกหน่วยการเรียนรู้ สามารถสอดแทรก บูรณาการคณิตศาสตร์ในการเรียนการสอนได้เสมอ เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ และคิดว่าคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่ยาก อยู่รอบ ๆ ตัว อยู่ในชีวิตประจำวันของเด็ก
ทักษะที่ได้รับ
  • ทักษะการคิดรวบยอด (Mind Mapping)
  • ทักษะการคิดโดยเชื่อมโยง การบูรณาการให้เข้ากับหน่วยการเรียนรู้
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
  • เมื่อเกิดทักษะการคิดรวบยอด การคิดเชื่อมโยงบูรณาการ จึงทำให้สามารถเขียนแผนการจัดประสบการณ์ได้ครอบคลุมในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ และสามารถนำไปจัดประสบการณ์ให้กับเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคการสอนของอาจารย์
  • อาจารย์จะแนะนำเพิ่มเติมจากผลงานที่นักศึกษาทำมา ว่าถูกต้องหรือไม่ ควรปรับปรุงแก้ไขในส่วนใด เพื่อจะได้ให้นักศึกษานำไปแก้ไข และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
การประเมินผล
ประเมินตนเอง : ตั้งใจทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย และพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอน และนำมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
ประเมินเพื่อน : ในการทำงานกลุ่ม เพื่อน ๆ จะให้ความร่วมมือกัน ใครถนัดด้านใด ก็ช่วยเหลือ รับผิดชอบในด้านนั้น
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์มีความรับผิดชอบในการสอน ถึงแม้ว่าจะยุ่งงาน แต่ก็ยังเจียดเวลาเพื่อมาแนะนำงานของนักศึกษา เพื่อให้ทำงานได้ถูกต้อง 



วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9

วันพุธที่ 9 มีนาคม 2559 เวลา 08.30-12.30 น.
บรรยากาศในการเรียน
          วันนี้ อาจารย์เริ่มเข้าสู่การเรียน โดยการทบทวนความรู้ การศึกษาดูงานที่โรงเรียนอนุบาลพิบูลเวศม์ ว่าการเรียนการสอนที่นั่นเป็นอย่างไร จัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยอย่างไร และอาจารย์ก็แนะนำ เชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ให้บูรณาการกับกิจกรรมอย่างอื่นได้ เช่น 
  • กิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบผู้นำ-ผู้ตาม แตะไหล่ ยกขึ้น กางแขน แตะไหล่ ยกขึ้น กางแขน... เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จะทำให้เด็กเรียนรู้เองว่า ต่อไปจะเป็นท่าอะไร ต้องทำท่าอย่างไร ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์/พีชคณิต ในสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
  • การนับเลข 5 3 1 , 3 5 7  จะเห็นว่า เลขชุดแรกมีการลดจำนวนลงทีละ 2 และเลขชุดที่ 2 มีการเพิ่มจำนวนขึ้นทีละ 2 เป็นต้น
          จากนั้น ก็เป็นการนำเสนองานของเพื่อน ๆ และทำมายแม็ปลงในกระดาษที่อาจารย์แจกให้คนละแผ่น เกี่ยวกับการกำหนดหน่วยการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย โดยเราจะตั้งชื่อหน่วยอะไรก็ได้ที่เห็นว่าเป็นที่น่าสนใจ เด็กอยากจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วโยงหัวข้อย่อย ขอบเขตของเรื่องออกมาให้ชัดเจน หน่วยที่ตั้งนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว หรือมีผลกระทบกับเด็ก จาก 4 ข้อดังนี้
  1. เรื่องเกี่ยวกับตัวเด็ก
  2. สิ่งต่าง ๆ รอบตัว
  3. บุคคลและสถานที่
  4. ธรรมชาติรอบตัวเด็ก 


          เมื่อทุกคนทำเสร็จแล้ว อาจารย์ก็จะนำมาแนะนำ อภิปรายว่าเหมาะสมหรือยัง ควรปรับปรุงแก้ไขส่วนใดให้ถูกต้องยิ่งขึ้น แล้วก็มอบหมายให้ทำงานเป็นกลุ่ม นำเสนอสัปดาห์ถัดไป



ความรู้ที่ได้รับ

  • การสอนต้องเหมาะสมกับพัฒนาการ และการจัดประสบการณ์ต้องเหมาะสมกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก
  • การเปรียบเทียบการวัดจากสายวัด สามารถใช้เชือกแทนได้
  • รูป 3 มิติหรือของจริง เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ส่วนรูปมิติเดียว เหมาะสำหรับเด็กที่โตขึ้น
  • 1 โครงการสามารถบูรณาการได้ทั้ง 6 สาระการเรียนรู้
  • การแตกกระจายของมายแม็ปปิ้ง จะสอนให้เด็กได้แนวความคิดรวบยอด หรือเรียนรู้การคิดแบบมีคอนเซ็ป
  • การนำเสนอของเพื่อน 
  • นางสาวภทรธร  รัชนิพนธ์  นำเสนอวีดีโอ

วิดีโอโทรทัศน์ครู
คณิตศาสตร์ (ตัวเลข) สำหรับเด็กปฐมวัย
         
สรุป - กล่าวถึงครูที่อยู่โรงเรียนประถมเกรตบาร์  ในเบอร์มิงแฮมว่ามีวิธีการรับมืออย่างไรในการสังเกตการณ์เด็ก ๆ และจะวางแผนการสอนคณิตศาสตร์ในชั้นอนุบาลรวมไปถึงประถมอย่างไร

     ครูอแมนดา แม็กเคนนา หัวหน้าครูระดับชั้นป.1-2 เชื่อว่าการเรียนคณิตศาสตร์ควรสนุกสนานและเป็น­ส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่โรงเรียนเกรตบาร์ การเรียนรู้อย่างอิสระผ่านการเล่นเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ของนักเรียน
ขณะนี้โรงเรียนกำลังมุ่งส่งเสริมให้เด็ก ๆ รู้สึกเป็นอิสระที่จะขบแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ด้วยต้วเอง และพัฒนาทักษะเช่น การจดจำตัวเลข การจัดลำดับและการคำนวณไปด้วย
     ซึ่งครูจะหยิบตัวเลข 6 แล้วบอกว่าตัวนี้เลข 4 ใช่ไหม ลองเชิงเด็กๆว่าสนใจอยู่ไหม เด็กๆก็จะบอกว่านั้นไม่ใช่เลข 6 แต่เป็นเลข 4 และครูก็ให้เด็ก ๆ ออกมาหยิบดูว่าเลข 6 ที่แท้จริงเป็นแบบไหน  ครูจะสาธิตวิธีประเมินเด็ก ๆ ผ่านการสังเกตการณ์ในแต่ละวัน และวิธีนำข้อมูลที่ได้เข้าที่ประชุมครูเพื่อวางแผนการสอนต่อไป โรงเรียนเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า หากเด็ก ๆ รู้สึกสนุกกับวิชาเลขตั้งแต่ชั้นเล็ก ๆ แล้ว ผลการเรียนรู้ในชั้นปีอื่น ๆ ก็จะเปลี่ยนไปในทางดีด้วย

สิ่งสำคัญ : การสอนคณิตศาสตร์ เด็กเล็ก เกม กิจกรรมนอกห้องเรียน เรียนรู้ผ่านชีวิตประจำวัน เลขในชีวิตประจำวัน การสร้างแรงบันดาลใจ สื่อการสอน การวัดประเมิน การสังเกตการณ์ การทำงานเป็นทีม การประชุมครู การวางแผนการสอนร่วมกัน การแข่งขัน ความสนุกในการเรียนคณิตศาสตร์ มีความสนุกกับตัวเลข การจัดลำดับ การจดจำตัวเลข การคำนวณ คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ผ่านการเล่น โดยการศึกษาแบบอิสระ การเรียนรู้อย่างอิสระ ความร่วมมือระหว่างครูและผู้ปกครอง scaffolding การแนะแนวร่วมไปถึงการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ในด้านทักษะการคิดวิเคราะห์อีกด้วย

  • นางสาวจิราภรณ์  ฟักเขียว  นำเสนอวีดีโอ
สรุปวิดีโอโทรทัศน์ครู

โทรทัศน์ครู เรื่องไข่ดีมีประโยชน์

        โดยคุณครูรจนา สังวรสินธุ์ โรงเรียนวัดไทรใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ได้สอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์เรื่องไข่ดีมีประโยชน์ทำให้เด็กได้สามารถเรียนรู้เนื้อหาเกี่ยวกับไข่ ชนิดของไข่ส่วนประกอบของไข่ ประโยชน์ของไข่ว่าทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วก็อยากให้เด็กอยากหรือชอบที่จะรับประทานไข่ แล้วก็เด็กยังสามารถนำไข่มาประกอบอาหารได้

กิจกรรมที่ 1 คือให้เด็กเล่นเกมส่งไข่เป็ดโดยเด็กจะมีประสบการณ์เดิมแล้วว่าไข่เป็นสิ่งที่แตกได้ง่ายกิจกรรมนี้จะเป็นการฝึกสมาธิให้เด็กได้คิดว่าจะทำอย่างไรส่งไข่ให้เพื่อนแล้วไข่ไม่แตกเวลาส่งไข่ให้เพื่อนตาต้องมองไปที่เพื่อนตากับมือต้องสัมพันธ์กันทำให้เพื่อนสามารถรับไข่ได้ไข่ก็จะไม่ตกลงพื้น

กิจกรรมที่ 2 ครูเล่านิทานเรื่องไข่ของใครโดยนิทานเรื่องนี้เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสีและได้รู้จักสัตว์เพิ่มมากขึ้นได้รู้ว่าสัตว์อะไรที่ออกลูกเป็นไข่บ้างในขณะเล่านิทานเด็กจะมีส่วนร่วมในการตอบคำถามของครูซึ่งการมีส่วนร่วมทำให้เด็กกล้าแสดงออกแล้วทำให้เด็กมีประสบการณ์มากขึ้นเกี่ยวกับเนื้อหาในนิทานครูนำนิทานที่เป็นสัตว์ของจริงมาให้เด็กดูเพราะจากในนิทานกับรูปภาพของจริงนั้นแตกต่างกันให้เด็กมีประสบการณ์จริงๆว่าสัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่มีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไรเด็กจะเห็นภาพชัดเจนเป็นรูปธรรมและเข้าใจได้ง่าย

กิจกรรมที่ 3 ให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับไข่ให้เด็กได้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสังเกต จำแนก เปรียบเทียบดูว่าไข่แต่ละชนิทมีลักษณะอย่างไรแตกต่างกันอย่างไรซึ่งเด็กให้เด็กช่วยกันแยกไข่จากตะกร้าใบใหญ่มาใส่ตะกร้าใบเล็กๆที่ครูแบ่งไว้ทั้งหมดห้าตระกล้าเล็กๆ นอกจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้วไข่ยังบูรณาการเข้ากับคณิตศาสตร์ได้อีกด้วยโดยเด็กได้เรียนรู้ในเรื่องของจำนวนตัวเลขได้มีการนับเปรียบเทียบมากน้อยจำนวนเท่ากันไม่เท่ากัน โดยครูให้เด็กช่วยนับไข่ในตระกล้าที่เด็กช่วยกันแยกว่าแต่ละตะกร้ามีใครกี่ฟองครูถามเด็กว่าไข่ตะกร้าไหนเยอะที่สุดเด็กตอบว่าไข่นกกระทาเพราะมี 10 ฟอง ครูถามว่าใครในตะกร้าไหนน้อยที่สุดนั้นก็คือไข่เป็ดเพราะมีอยู่ 2ฟอง ละครูก็ถามว่าตะกร้าไหนมีจำนวนไข่ที่เท่ากันเด็กก็ตอบว่าไข่เค็มกับไข่เยี่ยวม้าที่มีจำนวนไข่ที่เท่ากันครูจึงพิสูจน์โดยการนำไข่มานับกันเป็นคู่หนึ่งต่อหนึ่งผลพิสูจน์คือไข่ทั้งสองมีจำนวนที่เท่ากัน หลังจากที่เด็กได้รู้ส่วนนอกของไข่เเล้วเด็กก็จะได้เรียนรู้ส่วนประกอบของไข่ว่าไข่แต่ละชนิดมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันอย่างไรเช่นไข่ขาวของไข่เยี่ยวม้าจะมีเนื้อสีนำ้ตาลดำส่วนไข่เค็มเนื้อไข่ขาวของไข่เค็มจะมีสีขาวเด็กจะได้รู้ความแตกต่างระหว่างไข่เค็มกับไข่เยี่ยวม้า ไข่เป็ดกับไข่ไก่อาจจะมีลักษณะใกล้เคียงกันครูควรพยายามชี้แหนะให้เด็กเห็นถึงความแตกต่างระหว่างไข่เป็ดกับไข่ไก่โดยอาจจะมีคำถามว่าลักษณะของไข่แดงของไข่เป็ดเเละไข่ไก่เป็นอย่างไรสีเหมือนกันไหมแล้วตอกไข่ให้เด็กดูเด็กก็จะสามารถตอบได้ว่าไข่เป็ดและไข่ไก่มีไข่แดงที่สีแตกต่างกัน ขนาดของไข่เป็ดใหญ่กว่าไข่ไก่

กิจกรรมที่ 4 เป็นกิจกรรมคุกกิ้งคือไข่หวานโดยเด็กสามารถประกอบอาหารที่มีขั้นตอนง่ายๆได้และเด็กจะเกิดความภาคภูมิใจที่สามารถประกอบอาหารรับทานเองได้ครูให้เด็กร่วมกันทำคุกกิ้งเด็กได้รู้ปริมาณการใส่เครื่องปรุงว่าต้องใส่น้ำหกถ้วยตวงและใส่น้ำตาลหนึ่งถ้วยตวง ขั้นตอนการตอกไข่ครูได้สาธิตให้เด็กดูก่อนพอให้เด็กตอกไข่ครูก็สามารถเข้าไปช่วยได้เพราะเด็กอาจจะยังไม่มีประสบการณ์การตอกไข่กล้ามเนื้อมือกับตาตายังไม่ประสานสัมพันธ์กันเด็กไม่สามารถก่ะได้ว่าต้องกดมือให้ไข่ลงตรงถ้วยพอดีหลังจากนั้นให้เด็กลงมือตอกไข่ใส่ถ้วยแล้วใส่ลงหม้อโดยครูสาธิตในการใส่ไข่ลงหม้ออย่างไรให้ถูกวิธี เด็กได้มีประสบการณ์เรียนรู้ได้ด้วยตนเองจากการกระทำ leaning by doingเด็กจะเกิดประสบการณ์ตรงและเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการศึกษาที่สูงขึ้น
  • นางสาวสุวนันท์ สายสุด  นำเสนอวิจัย
สรุปวิจัย  (แก้ไข)
เรื่อง การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย โดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองที่มุ่งศึกษาพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

- ความมุ่งหมายของวิจัย
       เพื่อเปรี่ยบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

- สมมติฐานในการวิจัย
       เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดรูปแบบกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้มีพัฒนาการทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกัน

- ขอบเขตการวิจัย
        นักเรียนระดับปฐมศึกษา ชาย-หญิง โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ จำนวน 10 ห้อง

- เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
         1.แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
         2.แบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์การสร้างแผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

- สรุปผลวิจัย
          เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์มีคะแนนเฉลี่ยทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ โดยรวม 5 ทักษะและการจำแนกรายทักษะ คือ ทักษะการบอกตำแหน่ง ทักษะการจำแนก ทักษะการนับ ทักษะการรู้ค่าของจำนวน และทักษะการเพิ่ม-ลด อยู่ในระดับที่ดี และเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ มีพัฒนาการทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ในทุกทักษะสูงขึ้น

- แผนการสอนการจัดกิจกรรมรูปแบบศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
หน่วย ต้นไม้  หน่วยย่อย ขนาดของต้นไม้
   มโนทัศน์  ต้นไม้มีขนาดแตกต่างกัน เช่น ต้นใหญ่ ต้นเล็ก ต้นสูง
   จุดประสงค์
           สามารถจำแนกจำแนกขนาดต้นไม้ได้
  
กิจกรรมศิลปะ  ศิลปะค้นหา

กิจกรรมการเรียนการสอน
ขันนำ
1.กระตุ้นการเรียนรู้ คือ ให้สิ่งเร้าที่สอดคล้องกับสาระ
2.กรองสู่มโนทัศน์ คือ กระตุ้นให้สะท้อนคิดและโยงความรู้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
ขั้นสอน
3.ครูพาเด็กออกไปสังเกตต้นไม้ในบริเวนสนามเล่นในโรงเรียน บอกจุดประสงค์ว่าจะเรียนเรื่องขนาดของต้นไม้
4.สนทนา ตั้งคำถามกับเด็กเกี่ยวกับต้นไม้ เช่น เด็กๆคิดว่าต้นไม้ในสนามมีขนาดเท่ากันหรือไม่  ต้นไม้ต้นไหนใหญ่ที่สุด  ต้นไม้มีจำนวนกี่ต้น (ให้เด็กร่วมกันนับ)
7.ครูแจกกระดาษให้เด็กๆวาดรูปต้นไม้ที่ตนเองชอบ
 สรุป
ให้เด็ก ๆ ถามเกี่ยวกับผลงานของเพื่อนและร่วมกันสรุปการทำกิจกรรมในครั้งนี้

สื่อ
1.ดินสอ
2.กระดาษ
3.ต้นไม้ที่สนามเด็กเล่น (ของจริง)

ประเมิน
1.สังเกตการตอบคำถามเกี่ยวกับต้นไม้ของเด็ก
2.สังเกตความสนใจในการทำกิจกรรม
3.สังเกตผลงานศิลปะของเด็ก
ทักษะที่ได้รับ 
  • ทักษะการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
  • ทักษะการคิดโดยแตกแขนง (จากการทำมายแม็ปปิ้ง)

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
  • เมื่อมีความรู้เกี่ยวกับการจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยมากขึ้น ทั้งจากการที่อาจารย์สอน แนะนำ และการไปศึกษาดูงาน การปฏิบัติจริง ทำให้มีแนวทางการสอนในอนาคต สามารถจัดกิจกรรมได้หลากหลายมากขึ้น
  • การทำมายแม็ปปิ้ง จะทำให้เรารู้จักคิดอย่างมีเหตุผล ครอบคลุม ชัดเจน ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนและการทำงานในอนาคตได้เช่นกัน

เทคนิคการสอนของอาจารย์
  • อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ถาม-ตอบ แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน หากมีข้อควรเพิ่มเติม อาจารย์ก็จะอธิบาย ยกตัวอย่างให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาในการทำงานครั้งต่อไป

การประเมินผล
ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน และตั้งใจทำงานตามที่อาจารย์มอบหมาย มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์และเพื่อน ๆ
ประเมินเพื่อน : เพื่อน ๆ มีการเตรียมความพร้อมในการนำเสนอมาดี เข้าใจง่าย และตั้งใจเรียน กล้าพูดกล้าแสดงออกในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์ใจดี และสอนอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ให้โอกาสให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการเรียนการสอน ให้อิสระทางความคิด อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับอุปกรณ์การทำงาน


วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 8

วันพุธที่ 8 มีนาคม 2559 
... ศึกษาดูงานที่โรงเรียนอนุบาลพิบูลเวศม์ ...


  • สื่อการสอน กิจกรรม 

หรือการจัดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์



(สื่อการสอนคณิตศาสตร์บางส่วน)




(ตัวอย่างกิจกรรมที่ใช้ในการเรียนการสอนเพียงบางส่วน)




(ตารางการมาเรียนของเด็ก ๆ ติดไว้หน้าห้องเรียนทุกห้อง)

(ป้ายบอกชั้นเรียน และที่วัดส่วนสูงของเด็ก ๆ)

(ใช้สัญลักษณ์รูปภาพต่าง ๆ มีลำดับเลขที่ แทนชื่อเด็ก)


(จัดสภาพแวดล้อมให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องเวลา กลางวัน กลางคืน)

  • การจัดกิจกรรม
  • จัดตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งได้แก่
สาระที่ 1 จำนวนและการดำเนินการ
สาระที่ 2 การวัด
สาระที่ 3 เรขาคณิต
สาระที่ 4 พีชคณิต
สาระที่ 5 การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น
สาระที่ 6 ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
          ทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นนั้น จะเน้นให้เด็กได้พัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยบูรณาการให้เข้ากับกิจกรรมหลักแต่ละวันหรือกิจกรรมที่ครูได้ให้เด็กระดมความคิด ตามความสนใจของเด็ก และทำกิจกรรมไปพร้อม ๆ กัน

          ตัวอย่าง การสอนแบบโครงการ Project Approach (โครงการก้อนหิน = คณิตศาสตร์ การชั่ง การวัด การนับจำนวน เปรียบเทียบ)
  1. การอภิปราย เด็กได้ร่วมสนทนากับเพื่อนทั้งกลุ่มย่อย ทั้งชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่สนใจ ทำให้เด็กมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ครูเป็นผู้แนะนำสิ่งต่าง ๆ ช่วยให้เด็กคิดและสร้างความรู้ได้ง่ายขึ้น
  2. การทำงานภาคสนาม เด็กจะได้รับประสบการณ์ตรงจากการไปศึกษานอกสถานที่ สำรวจสิ่งต่าง ๆ นอกห้องเรียน สถานที่ต่าง ๆ ร้านค้า ถนน ป้าย ฯลฯ การสัมภาษณ์บุคคลต่าง ๆ การทำงานภาคสนามจะช่วยให้เด็กสร้างองค์ความรู้ได้
  3. การนำเสนอประสบการณ์ ช่วยให้เด็กได้ทบทวนและจัดระบบประสบการณ์ของตนเอง สิ่งที่นำเสนออาจมาจากการอภิปราย หาหัวข้อที่สนใจ การกำหนดคำถาม การนำเสนอประสบการณ์สิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้ เช่น การวาดภาพ  การเขียน การใช้สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ การเล่นบทบาทสมมติ การสร้างสิ่งจำลอง เพื่อเสนอให้เพื่อน ครู พ่อแม่เข้าใจ
  4. การสืบค้น สามารถใช้ข้อมูลที่หลากหลายวิธี ตามความสนใจของเด็ก เพื่อค้นหาคำตอบของคำถามที่ตั้งไว้ เด็ก ๆ อาจสัมภาษณ์พ่อแม่ บุคคลในครอบครัว ขณะที่ออกภาคสนามเด็กสืบข้อมูลหลายรูปแบบ ใช้แว่นขยายส่องดูของเล็ก ๆ สัมผัส การสังเกต ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 การทดลอง การหาคำตอบจากหนังสือห้องสมุดจาก Website ฯลฯ
  5. การจัดแสดง ผลงานของเด็กทั้งที่เป็นรายบุคคล รายกลุ่ม ซึ่งสามารถนำมาจัดแสดงได้ตลอดทุกระยะการดำเนินการตามโครงการ เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดความรู้ เด็กและครูมีโอกาสได้บอกเรื่องราวของโครงการให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนด้วย




  • การวัดและประเมินผล



-  แบบประเมิน แสดงความคิดเห็น เสนอแนะ
-  บทสะท้อนตนเองของเด็ก ครู ผู้ปกครอง